หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2556

ความเป็นมาของ เรสเวอราทรอล(Resveratrol) สารสกัดจากองุ่นแดง ต้านชราภาพ

เรสเวอราทรอล เป็นสารประกอบโพลีฟีนอลที่พบในพืชไม่กี่ชนิด ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ องุ่น และผลิตภัณฑ์จากองุ่น เช่นน้ำองุ่น และไวน์แดง โดยจะพบมากในส่วนของเปลือกองุ่น

มีรายงาน และงานวิจัยจำนวนมากที่กล่าวถึงคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเรสเวอราทรอล ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชั่น และการต้านอักเสบ แต่ที่ทำให้เรสเวอราทรอลเป็นที่สนใจในวงการวิจัยอย่างมากคือ ความเชื่อที่ว่า  เรสเวอราทรอล สามารถกระตุ้นการทำงานของยีน SIRT1 ซึ่งเป็นยีนที่เชื่อกันว่าเป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับภาวะชราภาพต่างๆ

พูดถึงเรื่องความแก่ หลายคนคงเริ่มสนใจ งั้นเราลองมาดูประวัติความเป็นมาของเรสเวอราทรอลดูว่ามีที่มากันอย่างไร


ประมาณ 450 ปีก่อนคริสตกาล

ฮิปโปเครติส นายแพทย์กรีกโบราณ(ปัจจุบันได้รับยกย่องให้เป็นบิดาแห่งการแพทย์แผนตะวันตก) ได้แนะนำให้ใช้ไวน์ในการรักษาไข้, โรคติดเชื้อ, ขับปัสสาวะ และเป็นอาหารเสริมทางโภชนาการ[1]

ประมาณ 2000 ปีที่แล้ว

ตำรับสมุนไพรโบราณของอินเดีย"darakchasava" ซึ่งมีองุ่นสกุล Vitis vinifera L. เป็นส่วนประกอบหลัก ได้ถูกนำมาใช้ในการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ[2]

ค.ศ.1410 

รายงานเป็นทางการฉบับแรกที่กล่าวถึงประโยชน์ของสารประกอบฟินอลิกในไวน์แดงต่อสุขภาพของมนุษย์[1]

ค.ศ. 1819 

Samuel Black นายแพทย์ชาวไอริช เป็นนายแพทย์คนแรกที่ได้ตั้งข้อสังเกตุการระบาดวิทยายของประชากรฝรั่งเศษ โดยพบว่าชาวฝรั่งเศษมีอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจต่ำถึงแม้ว่าจะมีการบริโภคไขมันอิ่มตัวสูง[1]

ค.ศ.1939-1940

นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นค้นพบ และสามารถสกัดได้จากรากพืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรค ที่ชื่อ White Hellebore (Veratrum grandiflorum O. Loes) ซึ่งเป็นพืชแถบยุโรปที่ถูกนำเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ตั้งชื่อสารนั้นว่า "Resveratrol"[3,4]

ค.ศ. 1963 

นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นพบสาร Resveratrol ในรากผักไผ่น้ำญี่ปุ่น(Japanese Knotweed) ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาในประเทศญี่ปุ่น และจีน[5]

ค.ศ. 1976 

พบว่า Resveratrol มีเฉพาะในผิวและเมล็ดองุ่นและพบว่า Resveratrol สามารถต้านเชื้อราและป้องกันโรคในองุ่นได้[6]

ค.ศ. 1979 

Jean Richard นักหัวใจวิทยาพบว่าอุบัติการเกิดโรคหัวใจขาวชาวฝรั่งเศษน้อยกว่าชาวยุโรปประเทศอื่นๆซึ่งมีพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีไขมันอิ่มตัวไม่แต่กต่างกัน และมีอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจใกล้เคียงกับประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่มีการบริโภคไขมันน้อย[7] ในปีเดียวกัน St. Leger และคณะเป็นนักวิจัยกลุ่มแรกที่อธิบายถึงการดื่มไวน์ในปริมาณปานกลางช่วยลดอุบัติการณ์การเกิดโรคหัวใจได้ในหลายๆประเทศ[8]

ช่วงยุค 80

นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์ของสาร Resveratrol ต่อสุขภาพและความสามารถในการป้องกันโรคแต่ยังไม่เป็นที่สนใจต่อประเทศต่างๆเท่าไหร่นัก

ค.ศ. 1981-1987

Jean Richard ได้สร้างแนวคิด "ปฏิทรรศน์ฝรั่งเศษ (French Paradox) หรือ Le paradoxe francais" ขึ้นมา[9,10]

ค.ศ.1991

Serge Renaud นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศษได้ออกรายการ "60 Minute" ที่แพร่ภาพในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับชาวฝรั่งเศษที่มีอัตราการเกิดโรคหัวใจที่ต่ำถึงแม้จะมีการบริโภคไขมันอิ่มตัวสูงนั้นมีสาเหตุมาจากการบริโภคไวน์แดง ทำให้ยอดขายไวน์แดงในอเมริกาเพิ่มขึ้น 44% และผู้ค้าไวน์บางรายได้ประชาสัมพันธ์ว่าไวน์แดงจัดเป็นอาหารสุขภาพ ทำให้ปรากฏการณ์ French Paradox เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น และ Serge Renaud จึงได้ฉายาว่าบิดาแห่ง French Paradox

ค.ศ. 1992

Serge Renaud ได้เผยแพร่งานวิจัยเกี่ยวกับความสามารถในการป้องกันการเกาะกันของเกร็ดเลือดของไวน์แดงซึ่งมีส่วนช่วยในการเกิดโรคหัวใจในประชากรฝรั่งเศษ[11] 
Siemann และ Creasy ได้ทำการวิเคราะห์หาปริมาณ Resveratrol ในไวน์แดงยี่ห้อต่างๆที่มีขายในท้องตลาด และเชื่อว่าสารนี้มีความเกี่ยวข้องกับการลดอัตราการเกิดโรคหัวใจในผู้ที่ดื่มไวน์แดง[12]

ช่วงยุค 90 (หลังค.ศ. 1992)

ภายหลังปรากฏการณ์ French Paradox ได้เผยแพร่ออกทางสื่อ นักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายจึงหันมาสนใจสาร Resveratrol เป็นอย่างมากและได้มีการศึกษามากมายเกี่ยวกับประโยชน์ของสาร Resveratrol ต่อสุขภาพและการป้องกันโรคต่างๆ

ค.ศ. 1997

Jang และคณะได้พบว่า Resveratrol มีคุณสมบัติในการรักษาและต้านโรคมะเร็ง[13]

ค.ศ.2003 

Resveratrol กลายเป็นสารที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจมากขึ้นเมื่อ Howitz และคณะได้พบว่า Resveratrol มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการทำงานของยีน SIR2 ในยีสต์(ในมนุษย์จะเป็นยีน SIRT1) ซึ่งเป็นยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้าง Sirtuin และส่งผสให้ยีสต์มีอายุขัยที่ยาวนานขึ้น เช่นเดียวกับการกำจัดอาหาร (carolie restriction)[14]

ค.ศ.2004

พบว่า Resveratrol สามารถกระตุ้นยีน SIR2 ในหนอน และแมลง[15]

ค.ศ. 2006


ได้มีการทดลองในสัตว์ที่มีกระดูกสันหลังเป็นครั้งแรกโดยเลือกปลาสายพันธ์ที่มีอายุสั้น(ประมาณ13 สัปดาห์) พบว่า Resveratrol สามารถยืดอายุขัยได้[16] 
ได้มีการทดลองในหนูที่มีการกินอาหารไขมันสูงพบว่า Resveratrol ทำให้หนูเหล่านี้มีอัตราการอยู่รอดเพิ่มขึ้น[17] 
นอกจากนี้ยังพบว่าหนูที่ได้รับ Resveratrol มีกระบวนการเผาผลาญที่ดีขึ้นและสามารถป้องกันโรคที่เกิดจากภาวะเมตาบอลิกได้[18] 
อย่างไรก็ดีกลไกในการกระตุ้นการทำงานของยีน SIRT1ของ Resveratrol ยังไม่เป็นที่แน่ชัดซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้พยายามศึกษาต่อไป รวมถึงประโยชน์ต่อสุขภาพ และความสามารถในการป้องกันโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน มะเร็ง โรคหัวใจ โรคสมอง และโรคที่เกิดจากความชราต่างๆ[19,20]

ค.ศ.2012-2013

พบว่าResveratrol สามารถยืดอายุในหนูที่ป่วยเป็นโรคแก่ก่อนวัยอันควร(Progeria)[21]ทำให้กลไกในการกระตุ้นยีน SIRT1 ของResveratrol เริ่มเป็นที่แน่ชัดขึ้น[22,23,24,25] นอกจากนี้ยังพบว่าสามารถยืดอายุได้ในหนูที่มีการดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อเร่งภาวะชรา(SAMP 8)และหนูปรกติที่มีสายพันธุ์เดียวกัน[26]
รูปที่แสดงถึงความเป็นไปได้ของความเกี่ยวข้องระหว่าง  SirT1 กับ เซลล์ต้นกำเนิด, ภาวชราภาพ และกระบวนการมะเร็ง[27] 

ที่มา

  1. Lippi, G., Franchini, M., & Guidi, G. C. (2010). Red wine and cardiovascular health: the" French Paradox" revisted. International Journal of Wine Research,2, 1-7.
  2. Paul B, Masih I, Deopujari J and Charpentier C: Occurrence of resveratrol and pterostilbene in age-old darakchasava, an ayurvedic medicine from India. J Ethnopharmacol 68: 71-76, 1999.
  3. Resveratrol, a new phenolic compound, from Veratrum grandiflorum. M Takaoka, Journal of the Chemical Society of Japan, 1939, volume 60, pages 1090-1100(in Japanese)
  4. Takaoka, M. J. Of the phenolic substances of white hellebore (Veratrum grandiflorum Loes. fil.). J. Faculty Sci. Hokkaido Imperial University 3, 1–16 (1940).
  5. Nonomura, S., Kanagawa, H. & Makimoto, A. Chemical constituents of polygonaceous plants. I. Studies on the components of Ko-jo-kon (Polygonum cuspidatum Sieb. et Zucc.). Yakugaku Zasshi 83, 988–990 (1963).
  6. Langcake, P.; Pryce, R. J. The production of resveratrol by Vitis Vinifera and other members of the Vitaceae as a response to infection or injury. Physiol. Plant Pathol. 1976, 9, 77-86.
  7. Richard, J. L., Ducimetière, P., & Cambien, F. (1979). [Estimation of coronary disease mortality and morbidity in France from epidemiological data]. Archives des maladies du coeur et des vaisseaux, 72(2), 210.
  8. Leger, A. S., Cochrane, A. L., & Moore, F. (1979). Factors associated with cardiac mortality in developed countries with particular reference to the consumption of wine. The Lancet, 313(8124), 1017-1020.
  9. Richard JL, Cambien F, Ducimetière P. Epidemiologic characteristics of coronary disease in France.Nouv Presse Med 1981;10:1111–4.
  10. Richard, J. L. (1987). Coronary risk factors. The French paradox]. Archives des maladies du coeur et des vaisseaux, 80, 17.
  11. Renaud S., de Lorgeril M. (1992). Wine, alcohol, platelets, and the French paradox for coronary heart disease. Lancet 339, 1523–1526. doi: 10.1016/0140-6736(92)91277-F. 
  12. Siemann, E. H., & Creasy, L. L. (1992). Concentration of the phytoalexin resveratrol in wine. American Journal of Enology and Viticulture, 43(1), 49-52.
  13. Jang M,  Cai  L, Udeani GO,  Slowing  KV,  Thomas  CF,  Beecher CW,  Fong  HH,  Farnsworth NR, Kinghorn  AD, Mehta  RG, Moon RC,  and  Pezzuto  JM.  Cancer  chemopreventive  activity  of resveratrol,  a  natural  product  derived  from  grapes.  Science.1997; 275: 218220. 
  14. Howitz  KT,  Bitterman  KJ,  Cohen  HY,  Lamming  DW,  Lavu  S,Wood JG, Zipkin RE, Chung P, Kisielewski A, Zhang LL, Scherer B,and  Sinclair  DA.  Small  molecule  activators  of  sirtuins  extend Saccharomyces cerevisiae lifespan. Nature. 2003; 425191196. 
  15. Wood, J. G., Rogina, B., Lavu, S., Howitz, K., Helfand, S. L., Tatar, M., & Sinclair, D. (2004). Sirtuin activators mimic caloric restriction and delay ageing in metazoans. Nature, 430(7000), 686-689.
  16. Valenzano, D. R., Terzibasi, E., Genade, T., Cattaneo, A., Domenici, L., & Cellerino, A. (2006). Resveratrol prolongs lifespan and retards the onset of age-related markers in a short-lived vertebrate. Current Biology, 16(3), 296-300.
  17. Baur, J. A., Pearson, K. J., Price, N. L., Jamieson, H. A., Lerin, C., Kalra, A., ... & Sinclair, D. A. (2006). Resveratrol improves health and survival of mice on a high-calorie diet. Nature, 444(7117), 337-342.
  18. Lagouge M, Argmann C, GerhartHines Z, Meziane H, Lerin C,Daussin  F, Messadeq  N, Milne  J,  Lambert  P,  Elliott  P,  Geny  B,Laakso  M,  Puigserver  P,  and  Auwerx  J.  Resveratrol  improves mitochondrial  function  and  protects  against metabolic  disease by activating SIRT1 and PGC1alpha. Cell. 2006; 127: 11091122
  19. Fernández, A. F., & Fraga, M. F. (2011). The effects of the dietary polyphenol resveratrol on human healthy aging and lifespan. Epigenetics, 6(7), 870-874.
  20. Timmers, S., Auwerx, J., & Schrauwen, P. (2012). The journey of resveratrol from yeast to human. Aging (Albany NY), 4(3), 146.
  21. Liu B, Ghosh S, Xi Y, Zheng H, Liu X, Wang Z, et al. Resveratrol rescues Sirt1 dependent adult stem cell decline and alleviates progeroid features in laminopathy-based progeria . 2012; 16:738-50.
  22. Lakshminarasimhan, M., Rauh, D., Schutkowski, M., & Steegborn, C. (2013). Sirt1 activation by resveratrol is substrate sequence-selective. AGING, 5(3).
  23. Liu, B., & Zhou, Z. (2013). Activation of SIRT1 by Resveratrol requires lamin A. www. impactaging. com AGING, January 2013, Vol. 5 No. AGING, 5(1).
  24. Ghosh, S., Liu, B., & Zhou, Z. (2013). Resveratrol activates SIRT1 in a Lamin A-dependent manner. Cell Cycle, 12(6), 0-1.
  25. Hubbard, B. P., Gomes, A. P., Dai, H., Li, J., Case, A. W., Considine, T., ... & Sinclair, D. A. (2013). Evidence for a Common Mechanism of SIRT1 Regulation by Allosteri Activators. Science, 339(6124), 1216-1219.
  26. Porquet, D., Casadesús, G., Bayod, S., Vicente, A., Canudas, A. M., Vilaplana, J., ... & del Valle, J. (2012). Dietary resveratrol prevents
  27. Calvanese, V., & Fraga, M. F. (2011). SirT1 brings stemness closer to cancer and aging. Aging (Albany NY)3(2), 162.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น