“อ้วน” คือลักษณะที่มองภายนอกแล้วร่างกายมีรูปร่างที่ท้วม
อวบ แต่พิจารณาถึงภายในแล้วความท้วม อวบ
นั้นมาจากการสะสมของไขมันตามส่วนต่างๆในร่างกาย
สาเหตุของความอ้วนที่ทุกคนเข้าใจกันดีคือ
การได้รับพลังงานจากอาหารมากกว่าการนำไปใช้ของร่างกาย
แต่บางท่านเคยสงสัยมั๊ยว่าบางคนรับประทานอาหารมาก แต่ทำไมไม่ค่อยอ้วน
ในขณะที่บางคนระมัดระวังเรื่องการทานแต่ก็ยังอ้วน
นั้นเป็นเพราะระบบการเมตาบอลิซึมของแต่ละคนทำงานไม่เหมือนกัน คนที่มีประสิทธิภาพการเมตาบอลิซึมสูงจะนำพลังงานจากอาหารไปใช้ได้ดีกว่าคนที่มีประสิทธิภาพต่ำ
การที่ร่างกายเรามีประสิทธิภาพในการเมตาบอลิซึมต่ำไม่ได้นำมาแค่ความอ้วน
แต่นำมาซึ่งโรคต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน(ประเภทที่ 2) และโรคเรื้อรังอื่นๆ
กลไกของร่างกายที่จะนำพาไปสู่ความอ้วน
การสะสมไขมันในร่างกาย
ในร่างกายเราจะมีเซลล์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่สะสมไขมันเราเรียกเซลล์นั้นว่า
“อดิโพไซท์”(adipocyte) ซึ่งในเซลล์นี้จะประกอบไปด้วยเนื้อเยื้อไขมัน(adipose tissue)ที่ทำหน้าที่กักเก็บไขมันไว้เป็นแหล่งพลังงาน นอกจากนี้อดิโพไซท์ยังมีความข้องเกี่ยวกับความไวอินซูลิน
และการผลิตและหลั่งฮอรโมนต่างๆ เช่นฮอร์โมนเอสโตรเจน, ฮอร์โมนเลปติน(leptin) และอดิโพเนกติน(adiponectin)
ฮอร์โมนเลปติน
และอดิโพเนกตินเป็นฮอร์โมนที่สำคัญในการควบคุมความหิวของเรา รวมถึงควบคุมความไวต่ออินซูลินของร่างกายซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
คนอ้วนจะมีการสะสมของมวลไขมันมากกว่าปรกติ
ซึ่งจะหมายถึงมีการสะสมของเนื้อเยื้อไขมันในเซลล์อดิโพไซท์มากขึ้นทำให้เซลล์อดิโพไซท์มีขนาดใหญ่
(hypertrophy) รวมถึงการมีจำนวนเซลล์อดิโพไซท์มากขึ้น(hyperplasia) ซึ่งเป็นเหตุให้ขนาดร่างกาย
หรืออวัยวะต่างๆมีขนาดใหญ่ขึ้น
กระบวนการสร้างเซลล์ไขมัน
หรือเซลล์อดิโพไซท์
เริ่มต้นจากเซลล์ตั้งต้น (multipotent mesenchymal stem cell; mms) ซึ่งจะมีการเพิ่มจำนวนเซลล์(proliferation) กลายเป็น เซลล์อดิโพไซท์ขั้นต้น(pre-adipocyte) จากนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา(differentiation)จนกลายเป็นเซลล์อดิโพไซท์สมบรูณ์(mature adipocyte) ซึ่งในขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงและพัฒนานี้จะมีการทำงานของยีนเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งที่สำคัญได้แก่
PPARg และ C/EBPα โดยถ้ามีการแสดงออกของยีนสองตัวนี้มากก็จะกระตุ้นให้มีการสะสมของไขมันมากขึ้น
การสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ หรือไขมันที่จะมาสะสมในเนื้อเยื้อ
การสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นที่ตับ
และเนื้อเยื้อไขมัน
ซึ่งเกิดการทำปฏิกิริยาระหว่าง glycerol-3-phosphate
และ กรดไขมัน 3 ตัว
โดยมีเอนไซม์มากมายหลายชนิดมีส่วนเกี่ยวข้อง
เอนไซม์ที่สำคัญและมีบทบาทสำคัญในการสะสมไตรกลีเซอไรด์
หรือไขมันในเนื้อเยื้อได้แก่
glycerol-3-phosphate
dehydrogenase (GPDH) เป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราห์ glycerol-3-phosphate ซึ่งเป็นสารตั้งต้นของการสังเคราะห์ไตรกลีเซอไรด์ มีการศึกษาพบว่าในคนอ้วนเอนไซม์ GPDH จะมีกิจกรรมมากกว่าคนผอมประมาณ 2 เท่า(Swierczynski, et al., 2003)
fatty acid synthase (FAS) เป็นกลุ่มเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการสังเคราะห์กรดไขมันปาล์มมิติกจาก
Acetyl CoA มีการศึกษาพบว่าถ้ามีกิจกรรมของกลุ่มเอนไซม์นี้เพิ่มขึ้นจะมีความเกี่ยวข้องกับการสะสมไขมันเพิ่มขึ้น
และความไวต่ออินซูลินลดลงซึ่งอาจเป็นการพัฒนาไปสู่โรคอ้วน และโรคเบาหวาน(Berndt, et al., 2007)
การสังเคราะห์ไขมัน หรือ ไตรกลีเซอไรด์จากคาร์โบไฮเดรตส่วนเกิน
โดยปรกติเมื่อเรารับประทานอาหารประเภทแป้ง
หรือคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะนำเอาไปใช้เพื่อเป็นพลังงานโดยผ่านกระบวนการเมตาบอลิซึม
แต่ถ้าเรารับประทานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการ คาร์โบไฮเดรตส่วนเกิน(ส่วนหนึ่ง)จะถูกนำไปสังเคราะห์เป็นกรดไขมัน
แล้วกลายเป็นไขมันสะสมอยู่ในเนื้อเยื้อไขมันของเซลล์อดิโพไซท์ได้
สารสกัดจากเปลือกองุ่นมีคุณสมบัติในการต้านโรคอ้วน
เรสเวอราทรอลเป็นสารที่พบในเปลือกองุ่นแดงซึ่งมีคุณสมบัติในการต้านออกซิเดชั่น,
ต้านการกลายพันธุ์, ต้านมะเร็ง และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภูมิคุ้มกัน
นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการต้านโรคอ้วนได้อีกด้วย ดังเช่นการศึกษาในหนูทดลองที่พบว่าเรสเวอราทรอลสามารถปกป้องการเกิดโรคต่างๆ
ในหนูที่ให้กินอาหารที่มีพลังงาน และไขมันสูง(Baur,
et al., 2006)
คุณสมบัติในการต้านโรคอ้วนของสารสกัดจากเปลือกองุ่น
หยุดยั้งการสะสมของไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์อดิโพไซท์
หรือเซลล์ไขมันโดยการ
- ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ GPDH(Zhang, et al., 2012)
- ยับยั้งการแสดงออกของยีน PPARg และ C/EBPα(Zhang, et al., 2012; Jeong, et al., 2011)
- ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ FAS(Liang, et al., 2013)
- ยับยั้งการทำงานของเอนไซม์เอลฟาอไมเลส(α-amylase) (Miao, et al., 2014) ซึ่งจะทำให้การดูดซึมคาร์โบไฮเดรตของร่างกายลดลง เป็นผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง และลดโอกาสในการเกิดคาร์โบไฮเดรตส่วนเกินซึ่งจะกลายเป็นไขมันไปสะสมที่เนื้อเยื้อได้
อย่างไรก็ดีการควบคุมน้ำหนัก
หรือการลดความอ้วนที่ดีที่สุดคือ การรับประทานอาหารให้มีพลังงานพอดี
(ในกรณีต้องการควบคุม) หรือให้น้อยกว่า(ในกรณีต้องการลดน้ำหนัก)
กับพลังงานที่เราใช้ในแต่ละวัน รวมถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ที่มา
Swierczynski, J.,
Zabrocka, L., Goyke, E., Raczynska, S., Adamonis, W., & Sledzinski, Z.
(2003). Enhanced glycerol 3-phosphate dehydrogenase activity in adipose tissue
of obese humans. Molecular and
cellular biochemistry, 254(1-2),
55-59.
Berndt, J., Kovacs, P.,
Ruschke, K., Klöting, N., Fasshauer, M., Schön, M. R., ... & Blüher, M.
(2007). Fatty acid synthase gene expression in human adipose tissue:
association with obesity and type 2 diabetes. Diabetologia, 50(7), 1472-1480.
Baur, J. A., Pearson, K.
J., Price, N. L., Jamieson, H. A., Lerin, C., Kalra, A., ... & Sinclair, D.
A. (2006). Resveratrol improves health and survival of mice on a high-calorie
diet. Nature, 444(7117), 337-342.
Zhang, X. H., Huang, B., Choi,
S. K., & Seo, J. S. (2012). Anti-obesity effect of resveratrol-amplified
grape skin extracts on 3T3-L1 adipocytes differentiation.Nutrition research
and practice, 6(4),
286-293.
Jeong, Y. S., Jung, H. K.,
Cho, K. H., Youn, K. S., & Hong, J. H. (2011). Anti-obesity effect of grape
skin extract in 3T3-L1 adipocytes. Food
Science and Biotechnology, 20(3),
635-642.
Liang, Y., Tian, W., &
Ma, X. (2013). Inhibitory effects of grape skin extract and resveratrol on
fatty acid synthase. BMC Complementary and Alternative Medicine, 13, 361
(doi:10.1186/1472-6882-13-361)
Miao, M., Jiang, H.,
Jiang, B., Zhang, T., Cui, S. W., & Jin, Z. (2014). Phytonutrients for
controlling starch digestion: Evaluation of grape skin extract.Food
chemistry, 145,
205-211.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น